ลงเรียนแล่นเรือของรัฐบาลฮ่องกง

ยังไม่ผ่านพ้นวิกฤติของชีวิตเด็กหญิงวัลลี วันนี้เลยออกไปหาอะไรทำ เนื่องจากนอนอืดอยู่บ้านเนื่องๆ

นึกขึ้นได้ว่ารัฐบาลฮ่องกงมีโปรแกรมสอนเล่นกีฬาราคาน่าคบ ลองเข้าไปดูได้ที่เว็บนี้ http://www.lcsd.gov.hk

เลือกๆดูมานานแต่จองยากมากเพราะจองไม่เคยทันชาวบ้านเขาสักกะที เล็งไว้หลายทีตอนนี้มีเวลาแล้ว

เจอครอส์แถว Stanley เลยถือโอกาสไปเที่ยวไปในตัว ตรวจดูกระเป๋าแบนๆ ไม่มีตังสักกะบูด

เลยมาแนะนำวิธีได้เงินสดวงเงินไม่เกิน 500 เหรียญ แถมได้ของที่คุณสามารถทำได้ที่ร้าน7-11 ,CircleK, Welcome , Park’nshop ในกรณีที่หาตู้ ATM ไม่เจอ ง่ายๆหาซื้อของเล็กน้อยๆจากร้านแล้วจ่ายด้วย EPS บอกเจ้าหน้าที่ว่าต้องการเงินสดเดี๋ยวแคชเชียร์เขาจัดใหญ่

 

ขนขนมไปกินกะนั่งชิวริมหาด ได้ชาไต้หวันมาด้วย

รอจ่ายตังเดี๋ยวนี้สบายมี Apple Pay ใช้ได้ทั่วสะดวกมากกกก แต่วันนี้เราต้องการเงินสด

ค่าขนม+น้ำเป็นจำนวนเงิน 21.90 HK$ เราได้เงินสดมา 500  HK$ รวมเป็น 521.90  HK$

จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถไปทางที่ Exchange Square เนื่องจากอยู่ในโหมดประหยัดตังเลยไปรถเมล์ธรรมดาคือสายเอื่อย สายที่มี X กะ A ตามหลังมักจะเป็นสายด่วนไปถึงเร็ว แต่อย่างที่บอกเราไม่รีบ สายที่ไปได้ก็มี 6,6A,6X,260,260X  วันนี้หวยออก 260

ระหว่างรอรถก็เปิดชาดูขวดสลิมสวยงามตามท้องเรื่อง สีดูมืดอยู่ท่ารถชั้นใต้ถุนตึกสีจริงขวดจะเหลืองไข่ บอกวันที่หมดอายุเรียบร้อย

เปิดฝาดมกลิ่นหอม…โม้ไปงั้นอยู่ท่ารถได้แต่กลิ่นควัน ถึงแม้รถเมล์ที่นี่จะใช้แก๊สธรรมชาติแต่รถเมล์ก็เป็นหนึ่งในการสร้างมลพิษอากาศให้ฮ่องกง ที่นี่ติดอันดับอากาศเป็นพิษระดับโลก เชื่อไหมม๊าฟแต่ควันพิษลอยมาจากโรงงานแถวเซินเจิ้นกะกวางโจว 5555

สักพักคนขับรถเมล์ก็มาเปิดรถพร้อมเดินทาง ล้อจะหมุนแล้ว บรรยากาศในรถม่วงมากกกก รถเมล์ฮ่องกงมีพัฒนาการแล้ว มีจอLCD บอกเส้นทางและป้ายที่จอด รวมถึงแจ้งชื่อป้ายที่รถเมล์จะจอด ประมาณป้ายหน้า Stanley อะไรทำนองนี้ บอก 3 ภาษาจีน อังกฤษ จีนกลาง

ปรากฏว่าเมารถครัช เพิ่มตังอีกนิดชีวิตสบายกว่า วันนี้นั่งท้ายรถค่อนมาทางด้านหลัง แถมชาที่แอบกินดันหกใส่เสื้ออีก กรรมจริง

แถมยังลงป้ายผิดอีกเดินย้อนกลับมา แต่ไม่เป็นไรอากาสดีวิวสวยเราให้อภัย ตัวเอง

แถวนี้บรรยากาศสงบเงียบหน่อย ส่วนมาเป็นพวกคนมีตัง แถวนี้มีโรงเรียนมัธยมด้วยเด็กๆโรงเรียนนี้หน้าอาตี๋อาหมวยแต่พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟเลย น่าจะเป็นโรงเรียนลูกคนมีตัง

เดินใกล้ถึงแลัว เห็นตึกแถวสีขาวๆที่มีท่ายื่นไปในทะเลไหม ที่นั้นเรากำลังจะไป ระหว่างทางก็เจอนักเดินทางนิดหน่อย เดินสบายๆแต่หน้าร้อนนี่ไม่อยากจะคิด

เดินจนมาถึงถนนเส้นนี้ สุดซอยลงทะเลช่ายเลย 

วันนี้มีนายแบบมาถ่ายรูปคู่กะรถสปรอต์ …อยากได้แม่ย่านางไหมคะ เข้าไปจะลงทะเบียนปรากฎว่าครอสนี้เต็มไปแล้ว โถๆป้ามาทำไมที่นี่ เลยถามน้องว่ามีศูนย์อื่นไหมที่เปิดรับและมีที่ว่าง

เห็นเรือริบๆแต่คงเป็นแค่ความฝัน แต่สำหรับคนที่มีตังเรียนแล่นเรือเล็กหลักสูตรพื้นฐานประมาณ 4-5 พันเหรียญสำหรับคนมีตังกะจิ๊ดเดียว แต่ข้อยบ่อมีงานทำ เลยมาหาเรียนครอสต์นี้ 70 เหรียญเอง

สุดท้ายน้องเจ้าหน้าที่ช่วยหาก็ไปเจอที่ศูนย์ Tai Tuk Sui โน้น New Territory ไกลมากใช้เวลา 1.5 ชัวโมงแต่เราก็เครอยากเรียน เจ้าหน้าที่เลยช่วยลงทะเบียนให้

ก่อนกลับชักภาพสวยๆวิวแถวนั้นหน่อย

น้ำเริ่มเย็นหน่อยๆแต่มีแดดก็ไหวอยู่

หรืออยากมาบาร์บีคิวก็ทำได้

แต่ว่ามาจะตายอีกทีก็ตอนจะกลับนี่แหละ ไต่ขึ้นขามาทางลงอย่างเดียว

 

เดินไปลดพุงกะก้นเป็นอย่างดี

เดินกลับมานั้งรถเมล์กลับขากลับเนื่องจากเข็ดกะขามาขอจ่ายเพิ่ม

ขอกลับ 760X ด่วนเลยกลัวเมารถด้วย 5555

กลับมาถึง Exchange Square แว็บไปส่องร้านไอติมร้านดังจากมิลาน Grom ยังไม่มีเวลาไปลองเลย คนไม่เยอะด้วย ต้องรีบไปชิมก่อนร้านจะปิดตัว 5555

เดินเล่นที่ Tung Chung Peak

วันนี้พามาเปลี่ยนบรรยากาศเดินเล่นชิวๆที่ Tung Chung ที่นี่ปกติบางทีเขาก็ปีนขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน วิธีการไปก็นั่ง mtr ไปลงที่ Tung Chung แล้วต่อรถเมล์สาย 11 ,23 , 3M เราเลือก สาย 11

แล้วเราก็นั่งมาประมาณ 10 ป้ายลงที่ Pak Kung Au ลงมาปุ๊ปเดินตามป้ายไป Lantau Peak แล้วก็ข้ามถนนมาเจอ Lantau Peak via Ngong Ping

ตามป้ายเลยจร้า วันนี้แดดออกอากาศดี ช่วงแรกเดินมาเจอบันไดซีเมนต์ ดูสิเขาว่าเดินขึ้นยอดใช้เวลา 2.30 ชั่วโมงแล้วเราเป็นนักทำลายสถิติชั้นดีจะใช้เวลาเท่าไหร่

เดินสักพักก็มีศาลาคนเศร้า เอ้ยศาลาพักดูวิวสนามบิน

เห็นเขาลิบๆโอ๊ยสบายเราฟิตมากกก เดินมาสัก 10 นาทีทางเปลี่ยนจากราดซีเมนต์ก็เป็นทางดิน +หิน

มองกลับไปหลังเขาวิวสวยจัง ทะเลทางขวามือ ซ้ายเป็นสนามบิน

ผ่านเขายอดแรก จากต้นไม้เขียวๆก็เปลี่ยนเป็นหญ้าอารมณ์ทุ่งหญ้าสะวันนา แต่ไม่รู้หน้าปกติเป็นไงนะ 

ทางขึ้นไม่ค่อยชันเท่าไหร่ เดินสบายแต่หากหน้าฝนคงลื่นน่าดูเพราะมีหินเยอะอยู่

ผ่านยอดแรกไปก็ผ่านไปยอดที่ 2 เดินไปอย่ายอมแพ้
  ผ่านยอดที่สองเริ่มหอบแล้วครับ   วิวสวยแต่เดินไปสักพักฟ้าเริ่มปิด อ้าวเริ่มกลัวฝนแล้วสิ

ใกล้แล้วครับ ความจริงใกล้เข้ามาแล้ว 

ยอดจะมาถึงแล้วครัช คลานกระดืบ กระดืบเข้าไป
  ถึงแล้วครัชยอด Lantau Peak สูง 934 เมตร จากน้ำทะเล 

แต๊น แต่นแตนแต๊น แต่นแตน แต่นแตน แต่นแตนแตนแต๊น แต่น แต่น แต่นยอดดอย ใช้เวลา 3.30 ชั่วโมง
  แล้วเราก็ลงไปทาง Ngong Ping ทางนี้จะชันกว่าแต่จะดูสั้นกว่าเหมาะกับการเดินลงเป็นอย่างยิ่ง   เดินลงทางสันเขาเลย วิวสวยมาก ทางหินทั้งนั้น

หิวมากครัชไม่มีอะไรขายระหว่างทาง คิดถึงเมืองไทยตะหงิด ตะหงิด  มีน้ำตกเล็กๆ ระหว่างทาง
  น้ำใสไหลเย็นเห็นหมู่ปลา หนาวนะครัชเห็นแบบนี้  เดินมาเรื่อยๆเห็นเสาแบบนี้ใกล้แล้วค่ะ

มาถึงแล้วจ้าทางออกหรือทางเข้าอีกอีกทางหนึ่ง   ร้านนี้ Tea Garden Resturant เคยเป็นร้านอาหารเก่าแต่ตอนนี้ปิดไปแล้ว ไม่รู้ทำไม
    เดินไปเรื่อยๆ เจอคนมากขึ้นกว่าเดิม
  ทางเดินว๊าวชื่อทาง Wisdom Path ชื่อดีว่าเป็นมงคลมาก  เจอพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วครัช เราจะได้กลับบ้านแล้ว

ถึงแล้วมาไหว้ขอพรกันหน่อย เขาว่าจุดนี้มาไหว้ขอพรพระองค์ใหญ่ถึงจะดี เพราะตำแหน่งอยู่หน้าท่าน

เป๊เลยใช่ไหม วันนี้ไปก่อนนะครัช ขาลากกลับบ้าน หากใครคิดที่จะมาเดินกรุณาเตรียมน้ำดื่มและอาหารมาให้พร้อม มาหาเอาดาบหน้าไม่ค่อยได้ยกเว้นคุณจะขึ้นผ่าน Ngong Ping ทางนี้เหมาะสำหรับดูพระอาทิตย์ขึ้น มาเช้าจะดีมากหมายถึงเริ่มตั้งแต่ตี 3-4 นะ ขึ้นไปยอด 2 ชมก็พระอาทิตย์ขึ้นพอดี

เรียนทำขนมหวานที่ฮ่องกง

ลมหนาวมาแล้ว หากิจกรรมทำดีกว่า แอดมินแอนเลยไปเรียนทำขนมซะเลย บอกเลยว่าเป็นคนที่ทำกับข้าวไม่เป็น ที่ทำเป็นก็ไม่อร่อย ขนมนี่ไม่ต้องพูดถึง ว่าแล้วจะสิ้นปี 58 แล้ว ปีนี้ตั้งใจว่าจะเรียนภาษาเพิ่ม+กีฬาใหม่+เพิ่มทักษะในการทำงาน…แต่ในที่สุดก็

เรียนภาษากวางตุ้งก็จบแค่ Basic ซื้อครอสเรียนภาษาเยอรมันออนไลน์ก็เห่อแพร๊บเดียว เอาละว้าสิ้นปีแล้วไปลงเรียนทำขนมดีกว่า แล้วก็ไปเจอครอส์สั้นเรียนทำขนมเบเกอร์รี่หลังเลิกงาน แถมไม่ไกลบ้านด้วย นี่เลย Hong Kong Culinary Academy อยู่แถว Kwai Chung ใกล้สถานี MTR ที่ Lai King ครอส์ที่เราเรียนเขาสอบเป็นภาษากวางตุ้ง แต่เรากลัวไหม ไม่กลัว 555 หน้าด้านเรียนต่อ แต่มีบางครอส์เขาสอนเป็นภาษาอังกฤษนะ เช่น เรียนทำอาหารอิตาลี่เพราะเห็นน้องคนไทยไปเรียนครอส์นั้นอยู่  โชคดีมีเพื่อนร่วมโต๊ะดีน่ารักคอยแปลให้

อาทิตย์นี้เรียนพีชชีสเค้ก peach cheesecake ถ่ายรูปไม่ครบทุกขั้นตอนนะ ไม่ชอบเล่นมือถือเวลาเรียน

ทำฐานที่คุณครูบอกว่าตีด้วยมือดีที่สุด ความร้อนของมือช่วยละลายเนยได้ดีกว่าที่ตี

พอทำฐานเสร็จก็ข้ามมาราดน้ำพีชเลย กร๊ากกก อย่างที่บอกว่าไม่ชอบเอามือถือขึ้นมาเล่น

เสร็จแล้วตัดน้ำเชื่อมราดไป 2 รอบแล้วเราก็มาแต่งหน้าเค้กกันซะหน่อย

ถามว่าสนุกไหม ทางโรวเรียนเตรียมเครื่องให้หมดทุกอย่าง ซึ่งเราก็แค่ผสมๆลงไป แต่เห็นแบบนี้ก๋เรียนตั้งแต่ 7-10.30 PM เลยนะเอาซะขาแข็งไปเลย

Piedmont ภาค 2 ถึงแล้ว Asti

หลังจากที่เราเดินเล่นที่ทะเลสาป เราก็ขับรถเลาะไล่ขอทะเลสาปเพื่อขึ้นมาที่ Asti ซึ่งจะเป็นที่พักของเราในคืนแรก กว่าจะหาโรงแรมเจอก็แทบแย่เหมือนกัน ขับรถที่อิตาลี่ต้องมีสมาธิเพราะ round about เยอะดีแท้ หลังจากฝ่าดงแอ๊ปเปิ้ล(ไม่ใช่แอ๊ปเปิ้ลไร้ใบนะแค่หน้าหนาวเลยใบร่วง) & ฝ่าดงองุ่นเราก็มาถึงเสียดี

เขาเรียกว่าเป็น Agriturismo ประมาณบ้านพักสไตล์ฟารม์ จะเรียกว่าเป็นโฮมสเตย์จะถูกไหมใครรู้บอกที ห้องใหญ่มากกกก สะอาด อาหารก็โอเค สงสัยตอนเราไปหน้าโลว์เลยไม่มีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ บรรยากาศห้องโรงแรม โชคดีที่แดดดี

ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วย แต่ว่าสระปิดช่วงหน้าหนาว คิดว่าหน้าร้อนนักท่องเที่ยวน่าจะเยอะมากแน่นอน

คนดูแลชื่อคริสติน่าที่อิตาลี่คงคล้ายๆที่ไทยเจ้าของเป็นคนที่อื่นแต่คนงานเป็นคนอิตาลี่ (พูดเล่นนะเป็นบางที เพราะเมืองใหญ่เห็นคนผิวสีทำงานบ้านหรือคนฟิลิปินส์)

ซ้ายมือคือห้องนั่งเล่นชั้นบนกับรูปขวาคือห้องอาหารชั้นล่าง

ห้องนอนสำหรับแอดมินแอนถือว่าใหญ่มาก คืออยู่ฮ่องกงมานานจนชินกะห้องรูหนู แต่โรงแรมตามเมืองใหญ่ที่ยุโรปก็ห้องไม่ใหญ่มาก นอกจากห้องแบบโคระตะแพง ที่สำคัญเลยคือสะอาดมีไดร์เป่าผม เงียบ(แน่นอน) มีหนังสือ wifi มีเตาผิงด้วย

สองตายายเหนี่ยแล้วแจ็ตแล็คนอนมาสก์หน้าเอาแรงก่อนเย็นนี้จะไปชิมไวน์โรงงานข้างโรงแรม

ช่วงค่ำเราก็มาชิมไวน์ เขาก็พามาดูโรงงานก่อนที่จะพาไปเชือดเอ้ยไปชิม กะเหรี่ยงน้อยไม่ได้ถ่ายรูปเยอะ ได้ถ่ายแค่ที่หมัก กับเครื่องมือวัดน้ำองุ่น หรือไวน์นั้นเอง

ชิมเสร็จก็กลับไปกินอาหารเย็นแต่ไม่ทันกินขนมหวานก็แทบฟุบคาโต๊ะอาการเจ็ตแลคขั้นรุนแรง

ใครตามอ่านกันถึงตอนนี้ รอดูสิว่าต่อไปเนอะว่าพรุ่งนี้เราจะไปทำที่ไหนกันบ้าง

หนีหนาวมาเจอหนาวกว่าที่อิตาลี่ Piemont

พักเรื่องดำน้ำมาเที่ยวบกกันบ้างดีกว่า เป็นการมาเที่ยวยุโรปในรอบหลายปี มาครั้งที่แล้วอยู่แถวโรม ฟลอเรนซ์ แล้วก็เวนิส เที่ยวนี้คุณลุงขาใหญ่อยากเที่ยวทางตอนเหนือ (Piemont แปลว่าตรีนเขา ) แถบนี้เป็นเขตผลิตไวน์ อาจจะไม่ค่อยดังเท่าทัสคานี่ (Tuscany) แต่ไวน์แถบนี่แหล่มมากเลย ขนาดคนไม่ดื่มไวน์ยังจิบแล้วรู้สึกว่ามันเป็นต๋าแซ่บ

มาลงเครื่องที่ Malpensa ที่มิลาน มาถึงแต่เช้าไม่ได้เดินสำรวจอะไรมากมายเพราะเรายังไม่ตื่นดี  

กว่าจะเดินหาเคาท์เตอร์เช่ารถก็เดินเกือบทั่วเทอร์มินัล ได้รถแล้วเราก็ซิ่งออกไป เรามุ่งหน้าขั้นเหนือไปที่ Lago Maggiore ที่นี่เคยเป็นสถานที่ตากอากาศชื่อดังของคนอิตาลี่เอง แต่ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติบ้าง เรียกเป็นว่า”ริเวียร่า ณ อิตาลี่ ” (แอดมินแอนไม่เคยไปรีเวียร่านะ ว่าตาม lonelyplanet อย่างเดียวเลย) ที่นี่สวยมากแล้วก็เงียบ ดูจากประชากรที่เดินไปมาแล้วน่าจะเป็นเมืองสำหรับผู้สูงอายุมากกว่า ที่ทะเลสาปมีเกาะเล็ก ที่มีสวนสวย Isola Bella แต่พวกเรางกคร๊าบไม่ได้ขึ้นเกาะ พอดีเกาะปิดด้วย เลยได้แต่ดูอยู่ห่างๆ แต่เขามีบริการเช่าเรือดูเกาะนะมี 3 เกาะดูครบทุกเกาะเขาขอ 25 ยูโร อากาศดีไม่หนาวหรือไม่ร้อนจนเกินไป แดดค่อนข้างจะดีด้วย

น้ำที่ทะเลสาปใสแจ๋วเลย แต่เห็นใสๆแบบนี้คิดว่าลงไปมีหนาวแน่ หลังจากนั้นเราก็เคลื่อนขบวนไปอีกทะเลสาปก่อนมุ่งหน้าสู่ทะเลสาปอีกด้าน

หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปหาโรงแรมของเราที่ Asti วันนี้เป็นวันแห่งการเดินทางและเจ็ทแล็คไม่ได้ทำอะไรมากมายอ้าวหมดไปแล้ว 1 วัน