คอร์สปฏิบัติธรรมอบรมเมตตาภาวนาและวิปัสสนากรรมฐาน

กลับไปอยู่ไทยรอบนี้ นานหน่อยมีโอกาสไปเรียนทำเล็บกับไปปฏิบัติธรรม ซึ่งเราเคยผ่านการฝึกปฏิบัติจากวัดร่ำเปิงที่เชียงใหม่ เป็นสถานที่สัปปายะ มีกุฏิเดี่ยว ชอบมากอาหารก็อร่อย 555 อากาศดีสดชื่น ปีนี้โชคดี ลองที่ใหม่ๆ ไปศูนย์วัดอัมพวันที่ขอนแก่นกับศูนย์ธัมโมทยะที่นครปฐม

เดี๋ยวของวัดอัมพวัน แยกไปอีกโพสต์หนึ่งละกัน ขอเล่าศูนย์ธัมโมทยะที่นครปฐมก่อนละกันเพราะเราประทับใจมากกกก กอไก่ล้านตัว คือทุกๆปีเราจะพยายามไปที่วัดร่ำเปิงเพื่อทวนญาณ ปีนี้ก็คิดว่าจะไปเพราะต้องไปเที่ยวหาแม่ที่เชียงใหม่อยู่แล้ว แต่พอดีมีเรื่องกระทบใจไม่ได้ละขอไปก่อนก็แล้วกันช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาวของประเทศไทย หากใครมาอ่านโพสต์นี้ในอนาคต ขอบอกไว้ช่วงนี้ COVID-19 เขาเลยให้หยุดยาว งานไม่ค่อยมีทำ รวมไปถึงการปฏิบัติธรรมก็จำกัดจำนวนคน ซึ่งเราอยากเข้าคอร์สวันที่ 9-17 กค 65 แต่เต็ม เลยเอาคอร์สถัดมาที่ใกล้กันคือ 27 กค – 7 สค 65 (16วัน) โอ๊วจำนวนวันยาว คงไม่เป็นไร ดีๆยิงยาววววว ทางศูนย์ก็บอกว่าคอร์สนี้รับเฉพาะคนมีประสบการณ์ เราก็บอกไปเคยผ่านการอบรมแนวสติปัฏฐาน 4 จากวัดร่ำเปิง แหมมหมั่นหน้าหมั่นโหนก 555 แล้วทางศูนย์ก็แจ้งมาว่าคอร์สนี้เต็มอีกแล้วจ้า แต่คอร์สหน้าว่าง แต่เราเข้าไม่ได้แล้วเพราะเราต้องกลับมาเป็นแรงงานต่างด้าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าพระอาจารย์มีเมตตาเห็นว่าจะกลับตปท เลยให้มาเป็นตัวแถม โอ๊ยตอนนั้นใจฟูมากแม่ ที่ศูนย์ธัมโมทยะ ไม่ต้องใส่ชุดขาวก็ได้ แต่สีแปร๋นก็มิควร ไม่ต้องใส่ผ้าถุงผู้หญิงใส่กางเกงก็ได้ ไม่ต้องมีสไบคลุม แต่ถ้าจะใส่ก็ไม่มีใครว่า โอ๊วววดีมากเลย นี่สิที่เราต้องการ 555 ยังไม่รู้ตัวว่าต้องเจออะไรบ้าง

เราขอทางศูนย์เดินทางไปก่อนหนึ่งวัน สำหรับคนไม่มีรถสามารถนั่งรถตู้ราดรี(ราชบุรี) หรือกาญจนบุรี ลงบิ๊กซีนครปฐม แล้วสามารถนั่งมอไซต์เข้าไปประมาณ 50 บาท แต่ตอนเรามาฝนตกเลยได้นั่งแท็กซี่มาแทน อิอิก็ไม่แพง เจ็ดสิบบาท มาถึงทุ่มกว่า นึกว่าเรามาคนแรกที่ไหนได้มีเพื่อนนักปฏิบัติชาวพม่ามาก่อนหน้าเราอีก เนื่องจากยังไม่เริ่มคอร์ส ก็เล่นไปสิมือถือก่อนจะโดนเก็บ

เดี๋ยวขอบอกก่อนว่าเราปฏิบัติที่บ้านแต่จิตส่งออกตลอด นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เราอยากลองที่ใหม่ เพราะทุกย่างก้าวเราฟุ้ง นั่งเราก็หลับถึงแม้เป็นเวลาสั้นๆก็ตาม

เช้าตีสี่ตื่นเกียมตัว เราก็นึกว่าจะทำวัตรเช้า ก็ไม่นะ หรือเพราะว่ายังไม่เริ่มคอร์ส หือ ก็ไม่ใช่วัดนี่หว่า ไม่ต้องทำก็ได้ใช่ไหม เราเลยทำตามที่เคยทำมาคือกราบสติปัฏฐาน เดินจงกรม&นั่งสมาธิ เหมือนกับนักปฏิบัติท่านอื่น อย่างละ 30 นาที แต่คนอื่นทำนานกว่า ดูท่าเขาชั่วโมงบินสูง

ซึ่งเราเดินระยะที่สามส่วนการนั่งเราพยายามกำหนด 28 จุดตามที่เรียนแต่นั่ง สามสิบนาที เราก็กำหนดประมาณสิบจุดวนไป วันนี้ก็เริ่มมีเพื่อนนักปฏิบัติเข้ามาเรื่อยๆ ตอนเย็นก็มีการเปิดคอร์สพระอาจารย์ก็ให้ธรรมและมีสวดมนต์นิดหน่อยและมีการแผ่เมตตา

วันที่สองก็ตื่นตีสี่ วันนี้พระอาจารย์ อู ญาณรังสี เรียนไปสอบถามเพราะเราฝึกมาจากที่อื่น พระอาจารย์ถามว่าแนวทางปฏิบัติของเราคืออะไร สติปัฏฐานที่เราเข้าใจ และที่เราบอกว่าปฏิบัติเราทำแบบไหน เราก็บอกท่านไปว่า ทุกย่างก้าวเราฟุ้ง นั่งเราก็หลับ เดินระยะสาม นั่งแบบกำหนดจุด สั่งกายและส่งจิตไปจับพร้อมๆกัน ท่าก็แก้อาการให้ถูกต้อง แต่ขอไม่บอกแล้วกัน หลังจากที่ท่านแนะนำและอธิบายสติปัฏฐานสี่ให้เราเข้าใจ มาเราไม่เคยหลับระหว่างนั่งสมาธิเลย แต่เวทนายังมีเยอะอยู่ 555 บางทีก็คิดว่าว่าน่าเลยเรา

ระหว่างทางเราเจอปิติ ตอนส่งอารมณ์ให้ท่าน ท่านก็บอกว่ามาให้รู้ทันว่าจิตมีปิติเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่เรามัวจะไปยินดี This is not the place when you find happiness ไงหล่ะ แล้วก็มีการส่งอารมณ์วันเว้นวันสลับวันที่พระอาจารย์ให้ธรรมในช่วงเย็น ช่วงเจ็ดวันแรกรู้สึกยากมาก ท้อใจ เรามาทำอะไรที่นี่ เราเจอเวทนา 13.5 วันพูดเลย โหยยย แต่พระอาจารย์ท่านเมตตาสูงมากและคนที่มาปฏิบัติก็ตั้งใจทุกคนปิดวาจาที่แท้จริง พอจะครบคอร์สเราแทบไม่อยากออกไปเลย ถ้าใครหาที่ปฏิบัตินะที่นี่เลย ธรรมทางวิชาการก็แน่น ปฏิบัติก็จัดเต็ม เต็มสิบไม่หักเลย สถานที่ก็ร่มรื่นแบบธรรมชาติสุดๆ

เพิ่มเต็มสำหรับสำนักวิปัสสนาธัมโมทยะ เป็นสถานที่ฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐานจากพระและแม่ชี กาญจนพร น้อยพจนา มีล่ามแปลเพราะพระอาจารย์พูดภาษาอังกฤษ คอร์สที่เราไปคุณเน ลูกสาวแม่ชี กาญจนพร คุณเนทำหน้าที่ได้ดีมากกกกก การที่มาทำงานเพื่อพระศาสนาต้องเสียสละและใช้ความอดทนมากแต่คุณเนและคนที่สำนักวิปัสนาทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข รวมไปถึงสรรพสัตว์ที่อยู่ในศูนย์ อันนี้ต้องให้ไปสัมผัสเอง ใครมีเวลาลองไปดูนะ